มี โอกาสดีมากๆ ที่ได้ไปร่วมเรียนรู้การจัดการความรู้ในรูปแบบของสคส. รอบแรกที่ได้ไปนี้ เป็นรอบผู้บริหาร ภาพที่เห็นจึงเป็นของจริง สัมผัสได้ แทนการฟังการบรรยาย เพราะผู้ที่รู้เห็นมามาก ต้องเป็นประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง จึงจะยอมรับ จึงเป็นการดูงานที่ NOK และมูลนิธิข้าวขวัญ ซึ่งมีความต่างกันในโครงสร้างองค์กร เรียกได้ว่าเป็นคนละปลายขั้ว คือ บริษัทเอกชน ที่มีการสั่งการตามลำดับชั้นงาน และมูลนิธิ ที่จัดให้มีการรวมตัวของชุมชนชาวนา ที่ไม่มีโครงสร้างแน่นอน แต่สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยหัวใจเหมือนกันคือ ทั้ง สองแห่งมีกระบวนการแบ่งปันความรู้กันอย่างมีความสุข
วิเคราะห์ ด้วยตนเองว่า องค์กรแห่งการเรียนรู้ คือ องค์กรที่ทุกคนพร้อมที่จะเรียนให้รู้ และร่วมแบ่งปันความรู้ แต่ทำยังไงถึงจะทำให้องค์กรไปถึงจุดนั้นได้ ต้องทำ ให้คนในองค์กรนั้นพร้อมที่จะแบ่งปัน พร้อมที่จะเรียนรู้ นั่นคือต้องแก้ปัญหาพื้นฐานที่ทำให้คนยังไม่พร้อม หรือที่เราเรียกกันว่า คนยังไม่มีความสุข ทำยังไงก็ได้ให้คนมีความสุข โดยต้องวิเคราะห์สาเหตุหลักให้ได้ นั่นคือ ต้องรู้ทุกข์ จึงจะหาเหตุให้ทุกข์ จากนั้นจึงหาทางดับทุกข์ และปฏิบัติให้ถึงทางแห่งการดับทุกข์นั้น
องค์กร NOK ทุกข์ของคนในองค์กรนั้น คือ เรื่องรายได้ ความก้าวหน้า ทุกข์ขององค์กร คือ ความไม่มีวินัย การที่คนลาออกทำให้ต้องสอนงานกับคนใหม่ตลอดเวลา ผู้บริหาร NOK จึงหาทางให้คนในนั้นได้มีรายได้เสริมด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น จัดให้มีกิจกรรมสะสมความดี เพื่อสะสมแต้มแลกของในสหกรณ์ หรือเข้าร่วมกิจกรรม Small Group Activity ซึ่งได้ทั้งค้นพบดาวในหมู่พนักงานได้รับการส่งเสริมให้ก้าว หน้า นอกจากนี้กิจกรรม One Page Lesson ก็ทำให้เกิดการสอนงานด้วยการทำบันทึกสั้นๆ 1 หน้ากระดาษเหมือนเขียน Work Instruction ของตัวเองให้คนอื่นอ่านเข้าใจ คนมาใหม่ก็สามารถเรียนรู้จากสิ่งที่ถูก บันทึกไว้ด้วยตนเองได้และการจัด กิจกรรม 5 ส. ก็ทำให้คนมีระเบียบวินัย ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทที่ Concern เรื่องความสะอาดต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นหัวใจหลัก
ส่วน มูลนิธิข้าวขวัญ ได้ช่วยจัดการแก้ทุกข์ของชาวนา คือ หนี้สิน สาเหตุของหนี้สิน คือขายข้าวได้เท่าไหร่ ต้องไปจ่ายค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลงหมด การปลดทุกข์ให้ชาวนาด้วยการร่วมกันเรียนรู้การปลูกข้าว อินทรีย์ ไม่ใส่ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง แต่เรียนรู้การคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวก่อนปลูก การทำความรู้จักแมลงดี แมลงร้าย การทำปุ๋ยหมักด้วยพืช ผลไม้ที่มี เป็นการตอบโจทย์ความทุกข์ เมื่อชาวนาไม่มีหนี้สิน จึงมีความสุข มีเวลาที่จะมาแบ่งปันความรู้ที่ได้เรียนรู้มา ที่ได้ทดลองทำด้วยตนเอง ที่ได้จากประสบการณ์อันยาวนาน มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชาวนาอื่นๆ
กลับ มาคิดถึงสปสช.ว่า ทุกข์ของคนในสปสช.คือ อะไร ทำไมคนในสปสช.จึงดูเหมือนไม่มีความสุข สิ่งที่เราน่าจะกลับไปทำกัน คือหาเหตุแห่งทุกข์ของคน สปสช.ให้เจอ แล้วแก้ให้ตรงจุด นั่นแหละ สปสช.จึงจะเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ทั้งองค์กร กลับไปคง ต้องไปเริ่มดูที่สำนัก่อนว่า คนที่สำนักมีความสุขดีอยู่มั้ย ไม่มีความสุขเรื่องอะไรบ้าง อย่างน้อยถ้าทำให้คนในสำนักมีความสุขได้ ก็คงทำให้เราเป็นอากาศดีๆ ที่สำนักอื่นๆ อยากสูดให้เต็มปอด
คิด ว่าการสร้าง KM แบบนี้เป็นสิ่งที่เผยแผ่ได้เหมือนศาสนา เราต้องเริ่มสร้าง Node ที่ใกล้ตัว เหมือนที่พระพุทธเจ้าทรงเลือกปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ก่อน ซึ่งจะเกิดการเชื่อมโยงต่อ Node ออกไปเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญคือ ก็เหมือนปฏิบัติธรรมนั่นแหละ ต้องเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติด้วยตนเอง
ว่าแล้วก็ลงมือเลย…